ขุนช้าง ขุนแผน วิถีชีวิตไทย กำเนิดขุนช้าง ขุนแผน และนางพิม
กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองที่สงบสุข มีเมืองขึ้นมากมายและมีเรื่องราวของขุนช้าง ขุนแผน และนางพิมพิลาไลย เกิดขึ้นที่เมืองสุพรรณบุรี สมัยที่สมเด็จพระพันวษาครองกรุงศรีอยุธยา |
มีชายคนหนึ่งชื่อ ขุนไกร อยู่ที่บ้านพลับได้แต่งงานอยู่กินกับนางทองประศรี ชาวบ้านแถววัดตะไกร ต่อมาขุนไกรย้ายไปรับราชการทหารที่เมืองสุพรรณบุรี ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นนายกรมช้างกองนอก ชื่อ ขุนศรีวิไชย ได้เมียชื่อนางเทพทอง อยู่ที่บ้านท่าสิบเบี้ย เมืองสุพรรณบุรี และพันศรโยธา มีเมียชื่อ นางศรีประจัน เป็นชาวบ้านท่าสิบเบี้ยเช่นเดียวกัน นอกจากนั้นนางศรีประจัน ยังมีน้องสาวอีกคนหนึ่ง ชื่อ นางบัวประจัน มีผัวเป็นชาว บางเหี้ย ชื่อนายโชดคง ไม่มีอาชีพนอกจากเป็นโจร เที่ยวขโมยควายของชาวบ้าน | วันหนึ่ง นางเทพทอง เกิดฝันประหลาด ขุนศรีวิไชยทำนายฝันว่าจะได้ลูกชาย |
| ฝ่ายนางทองประศรี ฝันว่าพระอินทร์เหาะลงมายื่นแหวนเพชรเม็ดใหญ่ให้ ขุนไกรทำนายฝันว่าจะได้ลูกชาย ซึ่งภายภาคหน้าจะได้เป็นทหารใหญ่ |
"...นิมิตฝันว่าท้าวสหัสนัยน์ | | ถือแหวนเพชรเม็ดใหญ่เหาะดั้นมา |
ครั้นถึงจึงยื่นแหวนนั้นให้ |
| นางรับแหวนไว้ด้วยหรรษา |
แสงเพชรส่องวาบปลาบเข้าตา |
| ตื่นผวาคว้าทั่วปลุกผัวพลัน" |
| ส่วนนางศรีประจัน ก็ฝันเช่นเดียวกันโดยฝันว่า พระวิษณุกรรม เหาะเอาแหวนมาให้ และพันศรโยธาทำนายฝันว่า จะได้ลูกสาวที่มีความสวยงามมาก |
" ท่านขาคืนนี้ข้าเจ้าฝัน | | ว่าพระวิษณุกรรมนายช่างใหญ่ |
ถือแหวนประดับงามจับใจ |
| เอามาส่งให้ไว้กับเรา..." |
ต่อมาทั้งสามก็ตั้งครรภ์ และคลอดบุตรออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน นางเทพทองคลอดบุตรเป็นชายหัวล้านได้ชื่อว่า ขุนช้าง นางทองประศรีคลอดบุตรเป็นชาย รูปร่างหน้าน่ารัก ได้ชื่อว่า พลายแก้ว และนางศรีประจันคลอดบุตรเป็นหญิง ได้ชื่อว่า พิมพิลาไลย
| เด็กทั้งสามนี้เป็นเพื่อนเล่นกันมา ครั้งหนึ่งขณะเล่นกันอยู่ พลายแก้วเกิดอุตริชวนขุนช้างและนางพิม เล่นผัวเมีย ขุนช้างเห็นด้วย นางพิมไม่อยากเล่น พลายแก้วคะยั้นคะยอให้เล่น โดยบอกว่า ให้เล่นเป็นเมียขุนช้างไปพลาง ๆ แล้วตนจะไปลักมาจากขุนช้าง นางพิมจึงยอมเล่น ซึ่งนับว่าเป็นลางที่จะต้องเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ทำให้เทวดาดลใจ ให้คิดเล่นผัวเมียขึ้นมา |
เมื่อขุนช้างโตขึ้น ขุนศรีวิไชยได้พาไปถวายตัวกับ สมเด็จพระพันวษา เป็นกษัตริย์ที่มีพระบรมเดชานุภาพมาก เมืองต่าง ๆ พากันเข้ามาสวามิภักดิ์ และส่งราชบรรณการมาให้มิได้ขาด และทรงเป็นกษัตริย์ที่มีจริยธรรม ปกครองกรุงศรีอยุธยาและบรรดาเมืองขึ้น ให้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดมา ซึ่งพระองค์ก็รับขุนช้างไว้ แต่เนื่องด้วยยังเด็กมาก ก็ให้ขุนศรีวิไชยดูแลไปก่อนพ่อของขุนช้าง ขุนแผน และนางพิม | อยู่มาวันหนึ่งพระองค์ก็ได้ข่าวว่า ป่าทางเมืองสุพรรณบุรี มีควายป่าอยู่มาก คิดอยากไปประพาสป่า ล่าควายป่าที่นั่น ก็ทรงให้พระยาเดโช จัดการเรื่องเตรียมกระบวนไพร่พล ให้ขุนศรีวิไชยบอกให้ขุนไกร รวบรวมพวกไพร่ ช้างม้าต่าง ๆ คืนนั้นขุนไกรก็เกิดมีลางร้ายเห็นแมงมุมตีอก ส่วนนางทองประศรีก็ฝันร้ายว่าฟันหัก ขุนไกรฟังแล้วเห็นว่าเป็นลางร้าย รู้ว่าคราวนี้คงไม่รอด เมื่อตื่นเช้าจึงสั่งเสียให้นางทองประศรีดูแลลูกให้ดี | เมื่อขบวนเสด็จถึงป่าสุพรรณบุรี ก็ได้สั่งให้ตั้งตำหนักห้างที่กลางป่า ให้หลวงฤทธานนท์ทำคอก และให้ขุนไกรไปไล่ควายป่ามาเข้าคอก รุ่งเช้าขุนไกรก็พาไพร่พลไปไล่ควายป่า โดยให้จุดไฟเผาเป็นวงล้อมเข้ามาเรื่อย ๆ ควายป่าเห็นไฟ และได้ยินเสียงคนอึกทึก ก็แตกตื่นวิ่งมาไล่ขวิดผู้คน ขุนไกรเข้าขวางแล้วใช้หอกแทงควายตายล้มลง เป็นจำนวนมาก พระพันวษาทรงพระพิโรธ สั่งให้ประหารขุนไกร แล้วริบสมบัติ ข้าทาสบริวารและลูกเมีย ขุนไกรได้ยินก็ตกใจมาก เพราะเกรงบารมีพระพันวษา ทำให้ความอยู่ยงคงกระพันหมดไป " ครานั้นฝ่ายตาขุนไกร | | ตกใจดังจะยับเป็นผุยผง | ตัวสั่นขวัญหนีเหมือนผีลง | | จะดำรงกายนั้นก็เต็มที | หน้าซีดผาดเผือดจนเลือดหาย | | ภูตพรายในตัวก็หลีกหนี | สิ้นสติตัวสั่นขวัญไม่มี | | ดั่งจะดับชีวีในทันใด..." | | หลังจากที่ขุนไกรตาย หลวงฤทธานนท์ก็สั่งให้ คนถือจดหมายไปบอกกับนางทองประศรีถึงเรื่องราวทั้งหมด และให้รีบหนีไป นางทองประศรีก็พาพลายแก้วหนีไปอยู่กับญาติของขุนไกรที่ดอนเขาชนไก่ เมืองกาญจนบุรี ทำมาหากินจนมีทรัพย์สินมากมาย | มีนายโจรคนหนึ่งชื่อนายจันศร เป็นผู้อยู่ยงคงกระพัน อยู่ที่บ้านโป่งแดง คอยปล้นสดมภ์ชาวบ้านจนเป็นที่หวาดกลัวกันทั่ว วันหนึ่งคิดจะไปปล้นบ้านขุนศรีวิไชย ที่บ้านรั้วใหญ่ในสุพรรณ เพราะขุนศรีวิไชยกับนางเทพทองเป็นคนรวยมาก เมื่อพาพวกไปปล้นบ้านขุนศรีวิไชย ขุนศรีวิไชยพาชาวบ้านต่อสู้ ขุนศรีวิไชยแพ้ ถูกโจรจันศรจับได้และใช้หลาวสวนรูทวารตาย ฝ่ายพันศรโยธานั้น ได้ไปค้าขายอยู่ที่ละว้า เมื่อกลับมาเกิดเป็นไข้ป่วยหนักและตายลง นางศรีประจันและนางเทพทอง จึงร่วมกันเผาศพทั้งขุนศรีวิไชย และพันศรโยธา เสียในคราวเดียวกัน | | |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น